รถกระบะรับจ้าง ที่มีประกันสินค้า ต้องจ่ายเพิ่มไหม การรับจ้างขนย้ายของในขณะนี้มีหลายแบบด้วยกัน โดยเฉพาะรถรับจ้างขนาดเล็กอย่าง รถกระบะรับจ้าง ที่ให้บริการที่หลายชนิด เช่น ย้ายเครื่องจักรราคาสูง ขนย้ายเฟอร์นิเจอร์ ขนย้ายผัก ผลไม้ สินค้าเกษตรทุกชนิด ขนย้่ายบ้าน ย้ายคอนโด ย้ายห้อง และอื่นๆ
ซึ่งถือว่ามีมูลค่าสูงทั้งสิ้น และรถกระบะรับจ้างขนของเหล่านี้มีความจำเป็นอย่างมากที่จะต้องมีการรับประกันสินค้าหากเกิดกรณีงานรับจ้างขนของเกิดอุบัติเหตุ หรือ สินค้าเสียหาย ซึ่งหากรถมีประกันสินค้าแล้วจะไม่ทำให้เราต้องมาปวดหัวและเสียเวลากับสิ่งที่เกิดขึ้น ดังนั้น การจ้างรถกระบะรับจ้างที่มีประกันสินค้า ต้องจ่ายเพิ่มไหม จึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
การรับประกันสินค้าเราจะดูอย่างไรว่า รับประกันแค่ไหน มูลค่าเท่าไหร่ ซึ่งเรามีหลักการในการคิดคำนวนณก็คือ
1. ทำประกันเป็นกรณี นั่นหมายถึง แบบคุ้มครองเฉพาะการขนย้ายในรอบนี้เท่านั้น เช่นในกรณีที่สินค้ามีมูลค่าสูงมาก เครื่องจักร สินค้าเกษตร เป็นต้น ซึ่งการทำประกันสินค้าก็ ลูกค้าทำประกันเอง โดยระบุทะเบียนรถ คนขับให้ลูกค้าไปทำประกัน
2. ทำประกันไว้แล้ว นั่นหมายถึง รถกระบะรับจ้างของเรามีการทำวงเงินประกันสินค้าไว้เรียบร้อยแล้ว แต่ก็ต้องดูว่าทุนประกันครอบคลุมมูลค่าสินค้าที่ทำการขนย้ายหรือไม่ หากครอบคลุมก็ไม่ได้เป็นปัญหาแต่อย่างใด
ซึ่งหากการสรุปงานขนย้ายถ้าจะให้ดีนั่นคือ ต้องมีการตกลงราคาและความชัดเจนให้ว่า ราคาค่าขนย้ายของๆ รถรับจ้าง นี้ครอบคลุมการประกันสินค้าด้วยหรือไม่ หากยังไม่รวมประกันสินค้า ผู้ให้บริการจะต้องแจ้งให้เราทราบเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อจะได้เข้าใจร่วมกันว่า หากมีอะไรเกิดขึ้น รถรับจ้างจะรับผิดชอบให้เราได้ถึงแค่ไหนนั่นเอง ดังนั้น ความชัดเจนในการสรุปราคาค่าบริการย้ายของ จึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ
งานรับจ้างขนย้ายบ้าน ย้ายหอ ย้ายคอนโด บริษัทประกันคุ้มครองด้วยไหม
เป็นคำถามที่หลายๆคนให้ความสนใจมาก เพราะในแต่ละปี แต่ละเดือนมีการ ขนย้ายบ้าน ย้ายหอพัก ย้ายคอนโด ย้ายที่อยู่ จำนวนมาก และสินค้าที่ทำการขนย้ายส่วนใหญ่ มีความเสี่ยงต่อความเสียหายเป็นอย่างมาก เพราะจะมี ตู้เสื้อผ้า ตู้กระจก เฟอร์นิเจอร์บ้าน ทีวี เตียงนอน ที่นอน ตู้เย็น ถ้วย จาน และ เครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆอีกมากมาย ด้วยที่สินค้ามีความเปราะบาง และเกิดความเสียหายได้ง่ายหากต้องขนย้ายไกลๆ การกระแทกแรงๆในระหว่างเคลื่อนย้าย จึงเป็นสิ่งที่มองว่า มีความเสี่ยงสูง ดังนั้น บริษัทรับทำประภัยจึงไม่รับหากเป็นกรณีการ ขนย้ายบ้าน ย้ายของใช้ ย้ายหอ คอนโด
แล้วเราจะทำอย่างไร หากประกันภัยไม่คุ้มครองสินค้างาน ขนย้ายบ้าน ย้ายหอ
นั่นคือการตกลงร่วมกันกับ รถรับจ้าง ก่อนทำการขนย้าย เพราะเมื่อประกันภัยไม่สามารถคุ้มครองการขนย้ายในลักษณะดังกล่าว คนที่จะต้องมาแบกภาระความเสี่ยงนั้นคือ ผู้ให้บริการ รถรับจ้างขนของ นั่นเอง หากเกิดอุบัติเหตุหรือสินค้าเสียหาย จะทำการชดเชยได้ขนาดไหน และจะคิดมูลค่าเท่าไหร่ ขึ้นอยู่ที่การตกลงกัน ซึ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเป็นความรับผิดชอบ ของ รถกระบะรับจ้าง ที่ให้บริการอย่างแน่นอน เช่น ตู้เสื้อผ้า เป็นรอยขูดหรือแตก ก็ต้องมาดูว่า ตู้เก่าหรือใหม่ ใช้มากี่ปี มูลค่าซื้อที่เท่าไหร่ เสียหายมากน้อย เป็นต้น
ดังนั้นทุกการขนย้าย ความชัดเจนในการรับจ้างขนของ จึงเป็นสิ่งสำคัญเป็นอย่างมาก เราจะต้องตรงไปตรงมา ครขับรถรับจ้างก็ต้องแจ้งความจริงให้ลูกค้าได้รับทราบ ขณะเดียวกัน ผู้ใช้บริการรถรับจ้างก็ต้องแจ้งความจริงในการขนย้ายของให้คนขับรถได้ทราบ เช่น มีเคสที่เราจะยกตัวอย่างที่เคยเกิดขึ้นกับผู้ให้บริการรถรับจ้าง ซึ่งเป็นงาน รับจ้างขนย้ายกระเบื้องน้ำหนัก 1 ตัน ก็ต้องแจ้งจริง ไม่ใช่ว่า สินค้าน้ำหนัก 2-3 ตัน แต่แจ้งคนขับรถว่าหนักแค่ 1 ตัน เป็นต้น เพราะอาจจะทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้ เพราะน้ำหนักมากเกินไป ซึ่งเรามั่นใจว่าเคสในลักษณะดังกล่าวนี้ต้องเคยเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ซึ่งไม่เกิดผลดีต่อทั้ง 2 ฝ่ายอย่างแน่นอน เพราะต่างฝ่ายอาจจะโทษกันไปมา และไม่คิดว่าตัวเองผิดจนสุดท้ายก็ต้องไปหาข้อสรุปที่ชั้นศาลทำให้ต้องเสียเวลากันไป และเสียทรัพย์อีกด้วย